23 สิงหาคม 2552

ย้อนรอยแม่กก 6 ตอนที่ 10

ในปีการศึกษาแรก 2524 ของน้องใหม่เกษตรโหล เป็นชื่อที่รุ่นพี่รุ่น 5 มอบให้ เหตุเพราะว่า (ซึ่งมาทราบทีหลัง) การที่ยังไม่มีการผ่านพิธีการรับรุ่นตามประเพณีแม่กก และต่อมายังได้รับการขานอีกว่ารุ่นแทรคเตอร์ เนื่องจากผู้อำนวยการวิทยาลัยขณะนั้นคือท่านไววิทย์ ชัยถาวรได้มีนโยบาย ที่จะจัดทำหัวเข็มขัดใหม่โดยมีลักษณะเป็นรูปรถแทรคเตอร์เป็นสัญญลักษณ์ ซึ่งควายเฒ่าเองจำไม่ได้ว่าได้จัดทำหรือไม่เพราะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้หากท่านใดสนใจลองถามท่านนายกตั้กน่าจะให้รายละเอียดได้ดีกว่า

การเรียนในปีแรกแบ่งเป็น วิชาการตามภาคบังคับ มีวิชา ภาษาไทย 1โดยอ.วิเวก สังคมศึกษา โดยอ.เดชา สุขศึกษา,พลศึกษา โดย อ.ศักดิฺสฤษ วิทยาศาสตร์เกษตร 1 โดยอ.สมนึกคณิตศาสตร์เกษตร อังกฤษเกษตร 1 ภาควิชาชีพ หลักพืชกรรม ดินและปุ๋ย หลักการเลี้ยงสัตว์ทั่วไป ช่างเกษตรเบื้องต้น 1 หลักเศรษฐศาสตร์เกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญที่จะขาดเสียมิได้ทุกปีการศึกษาของเหล่าพลพรรคชาวแม่กกคือรหัส วิชา กษ 171,172, 273,274,375,376 การปฏิบัติงานเกษตรหรือที่เราเรียกว่า " ลงงาน " วิชาลงงานจะมีจำนวนคาบลงงาน 120 คาบหรือชั่วโมงเรียน จำนวนหน่วยกิต 2 หน่วยกิต หากได้ระดับคะแนนต่ำกว่า 2 หน่วยกิตจะไม่ผ่านต้องมีการซ่อมงานจึงจะมีการอนุมัติผลการศึกษา

มีเรื่องสนุกสนานมากมายในวิชาการลงงานนี้(ระวัง!คนที่อยู่ต่างประเทศคงยิ้มไม่ออกแน่) ใครเป็นใครจะโดนเผาบ้างคอยติดตามแล้วกันครับ................................................................................ลุงควายเฒ่า.....

05 สิงหาคม 2552

ย้อนรอยแม่กก 6 ตอนที่ 9

สายน้ำแม่กกยังไหลขึ้นทิศเหนือ พระอาทิตย์ยังขึ้นทางทิศตะวันออก และยังคงตกอัศดงทิศตะวันตกไม่เปลี่ยนแปลง เช่นไร เช่นเดียวกับการเดินทางของน้องใหม่หัวใจหว้าเหว่ก็ต้องผจญภัยกับการเดินแถวเพื่อภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่จะต้องเอาประกาศนียบัตร์วิชาเกษตรไปฝากแม่ที่บ้านให้ได้ ท่ามกลางแสงแดดอันอบอุ่นในยามเช้าเช่นกันกับทุกวันที่ต้องเดินแถวผ่านศาลาคนเศร้าเพื่อเข้าแถวเคารพธงชาติ ในการเข้าแถวเคารพธงชาติก็มีการร้องเพลงชาติเช่นเดียวกับหลายโรงเรียน แถวน้องใหม่จะอยู่เรียงทางศาลพระพรมห้อง 1 2 3 ถึงห้อง9 รุ่น 6 นั้นมีอยู่ 9 ห้องรุ่นพี่ ๆ เข้าแถว(ไม่แน่ใจว่าเป็นแถวดูแล้วน่าจะแถวกระจาย..ฮ่า)ทางทิศตะวันตกด้านพ่อพิรุณ

การร้องเพลงชาติของเกษตรแม่กกนั้น..มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนเช่นที่อื่นใดจะมีจังหวะเข้มแข็งเป็นระเบียบ วรรคตอน ...ประเทศไทย...รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไท้ ฟังแล้วเหมือนปลุกใจทหารตอนจะออกรบน่าฟังมากไม่ทราบปัจจุบันยังคงไว้บ้างหรือเปล่า แถวน้อง ๆ จะปักป้ายห้องเรียนไว้เพื่อให้น้อง ๆไม่สับสนและต้องรักษาป้ายไม่ให้หายและล้มเด็ดขาดเมื่อพี่ ๆ ตรวจการแต่กายของน้องคือตรวจการแต่งกายและป้ายชื่อที่พี่เขียนให้ไม่ให้หาย บางคนป้ายชื่อหายถึงกับขาดเรียนก็มีเช่นไอ้ใหญ่(สมบัติ บ้านโฮ้ง) แล้วพี่รุ่นอาวุโสต้นเสียงร้องเพลงชาติ ธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาแล้ว อาจารย์ขึ้นกล่าวต้อนรับและแนะนำก็เรื่อยเปี่อยที่คิดได้ให้ตั้งใจเล่าเรียน รักษาระเบียบวินัย ต่อไป ก่อนเข้่าชั้นเรียนจะมีการสอนร้องเพลงสถาบันโดยรุ่นพี่ซีเนียร์ พี่ ๆก็ว้ากสอนน้องไปเรื่อย ๆ ส่วนอาจารย์ก็ยิ้ม ๆให่้กำลังใจอยู่ห่าง ๆ การเข้าแถวนั้นจะมีการเข้าแถวเช้าเย็น ในตอนเย็นนั้นจะเป็นการเข้าแถวเพื่อเตรียมตัวลงงาน การลงงานคือวิชาทักษะความอดทนและความสามัคคีนั่นเอง(ขณะปีนั้นหลายครั้งเป็นการสร้างผลงานให้อาจารย์ที่รักของเราก็มี)

การลงงานทุกคนจะต้องมี "ขอบก" คนละด้าม แม่กกจะไม่ทิ้งขอบก จะสั้นยาวแล้วแต่ละคนไปบางคนปีแรกยาวเป็นเมตรกว่า พอปีที่สามเหลื่อเพียงศอกเดียวก็มีน่าจะเป็นเพราะความขยันใช้นั่นเอง นอกจากขอบกแล้วเอกลักษณ์ความเป็นรุ่นพี่ (อีกที)จะต้องเอกบุรุษ กางเกงยีนส์เซอร์ๆ เสื้อม่อห้อมซีด ๆ เพื่อแสดงความเก๋า โดยให้กางเกงซ่อนข้างใสชายเสื้อไว้ลากขอบกดังแสด ๆๆ ที่ขาดไม่ได้คื่อ ครบเครื่องจะต้องสวมรองเท้าแตะ นี่แหละครับ "หน่อเนื้อกระดูกสันหลังของชาติ" ............ควายเฒ่า..

17 กรกฎาคม 2552

ย้อนรอยแม่กก 6 ตอนที่ 8

บรรยากาศในวันเปิดเรียนวันแรกของน้องใหม่หัวใจบริสุทธิ์นั้น น้องใหม่ทุกคนต้องจดจำได้เป็นอันดี ความสวยงามของแถวน้องใหม่ท่ามกลางน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของพี่พี่ น้องใหม่ทุกคนล้วนสวมเสื้อสีขาวสะอาด กางเกงสีดำ ถุงเท้า รองเท้า สีดำและทุกคนไม่มีใครรัดเข็มขัด (กะว่าจะไปซื้อที่สหกรณ์นะอะ) และแล้วการเดินแถวต้องมาช้าลงเมื่อถึงแยกนมโต( ดังที่กล่าวมาในบทก่อนแล้วว่าทุกเส้นต้องบรรจบกันที่แยกนี้) เพื่อต้องจัดแถวใหม่เป็นแถวเรียงหนึ่งเดียวไม่มีการแยกแถว หญิง ชาย ทุกคนเดินแถวอย่างระมัดระวังต่างคนต่างชื่นชมกับรองเท้าใหม่ สังเกตุได้จากการเดินก้มหน้าดูรองเท่้าคู่ใหม่กันตลอดเวลา เนื่องจากแถวยาวมาก ต้องค่อยๆก้าวกันไปเหมือนรอจ่ายเงินในบิ๊กซี แถวผ่านไอยเรศเข้าสู่สะพานข้ามคลองหน้าวิทยาลัยเหมือนจะบอกว่าการก้าวข้ามสะพานครั้งนี้ชีวิตเราจะเป็นการก้าวข้ามผ่านสู่อนาคตที่ดี ที่หน้าหัวสะพานมีพี่ๆยืนเรียงแถวเพื่อต้อนรับน้องใหม่ รุ่นพี่ทุกคนดูยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเอง หน้าสุดพี่เล็กด้านขวาพี่กี พี่โค้ก นั่งอยุ่ก้อพี่ หวาย (หัสดิน คำต๊ะ รุ่น 1) พี่รงค์ (ณรงค์ รุ่น 2) พี่โมทย์ (รุ่น 3)และอีกหลายพี่ พี่ผู้หญิงที่คอยดูแลน้องผู้หญิง สลับกันไป เมื่อแถวหยุดที่หน้าสะพานพี่ ๆ เริ่ม...ร้องเพลงเกษตรรำพัน..โอ้เกษตรของเราแต่ก่อน เป็นป่าดงดอนไร้ความงามตา เหล่าพี่ชายของสร้างมา ฝ่าดงพงพี...

ย้อนนึกดูแล้วความรู้สึกในตอนนั้นเหมือนสอบเอ็นทร้านติดแล้วพีี่มหาลัย..บูมต้อนรับ..น่าจะเทียบกันได้ เสียงกระหึ่มวิทยาลัย น้อง ๆทุกคนนิ่งเคารพพี่ชาย พี่ผู้หญิง เป็นอาณัติสัญญาว่าเราจะเป็นน้องน้องที่ดีของพี่ และจะขอสืบสานปณิธานของพี่ๆต่อไป ก้าวแรกที่เหยียบลงแผ่นไม่้สะพานจิตใจของควายเฒ่าพองโตสาบานกับตัวเองในใจว่าจะตั้งใจเรียนและเมื่อถึงเวลาจะต้องมีวันที่ต้องกลับมาตอบแทนบุญคุณของสถาบันนี้อย่างแน่นอน

พี่ๆต่างเข้าแถวทั้งสองข้างทางท่ามกลางกลีบงามสีขาวชมพูของดอกชงโคเบ่งบานร่วมต้อนรับน้องใหม่ (อ่านยอยศชงโคได้ในห้องชงโค) พี่ซีเนียร์อยู่แถวต้น ๆ ถัดไปเป็นพี่ ๆ ตามรุ่น สุดท้ายพี่รุ่น 2 คนสุดท้ายของแถวพี่เกรียงไกร มหาเทพเสื้อขาวกางเกงยีนส์สะพายกระเป๋าย่ามยิ้มเล็กน้อยต้อนรับ เสียงเพลงเกษตรรำพัน ดังลั่นวิทยาลัยตามจังหวะเสี่ยงตบมือ เกิดความสงสัยเพลงนี้จะจบที่ไหน พี่ๆ ร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าวนเวียนไม่มีที่จบ เสียงไม่พร่อง เปี่ยมด้วยพลังในการสร้างสรรค์รุ่นน้อง ปลุกความเป็นแม่กกต้นเล็ก ๆขึ้นกลางดวงใจน้องใหม่ทุกคน หัวแถวเลี้ยวซ้ายเข้าสู่สนามเล็กหน้าเสาธงมีศาลาเล็กๆมุงสังกะสีสีเขียว โดยน้องใหม่จะต้องลอดผ่านศาลานี้เพื่อเข้าสู่การเข้าแถวหน้าเสาะธง ศาลาเล็ก ๆนี้ที่เราพากันเรียกว่า.......
.....ศาลาคนเศร้า........
.........................ควายเฒ่า...............................

12 กรกฎาคม 2552

ย้อนรอยแม่กก 6 ตอนที่ 7

ฟ้าเริ่มสางแล้วแสงแห่งรุ่งอรุณสอดส่องเข้าหน้าต่างช่างอบอุ่น คืนก่อนฝนชโลมลงมาเล็กน้อย ทำให้เช้าวันนี้ท้องฟ้าสดใส ใบไม้เขียวสดยิ้มขอบคุณฝนฟ้า น้องใหม่หลายคนคงตื่นกันแล้ว เพราะวันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรก พี่เสรีเตรียมกับข้าวต้อนรับเช้าที่ตื่นเต้นนี้ ชุดนักเรียนรีดแขวนไว้ข้างฝาเมื่อคืนนอนแทบไม่หลับเฝ้ามองมันทั้งคืน สีแทบซีดเรื่องรีดผ้าควายเฒ่ามีเพื่อนร่วมรุ่นท่านหนึ่ง บุญช่วย สาคำ ท่านเพื่อนที่ผมนึกไม่ถึงท่านนี้ว่าจะมีวิธีการช่วยลอภาวะโลกร้อน และภาวะเรือนกระจกที่สมัยนั้นยังไม่มีใครไม่รู้จักวิธีก็คือรีดผ้าโดยวิธีกล โดยการนำเองกระดาษหนังสือพิมพ์ปูรองไว้ที่พื้นกระดานเตียงนอนแล้วจัดวางกางเกง เสื้อ อย่างระมัดระวัง แล้วก็ทับด้วยที่นอน เช้ามาก็สวมได้เรียบ ไอ้เจ้าเถียรยิ่งกว่าอีกสวมชุดใหม่นอนเม้งมันไปเลย

ทานข้าวกันเสร็จ พี่เสรีระวนกับการขัดหัวเข็มขัด เหมือนจะหาเลขสามตัว หัวเข็มขัดดำ ๆ มีรูปหัวควาย มีตัวหนังสือโต ๆ สวมกางเกงยีนส์ใหม่ป้ายราคายังติดคงไว้อวดเพื่อน (รอปีหน้าเราจะใส่บ้างจะจำไว้จะไม่ลืมเอาป้ายราคาออกก่อน) พี่ ๆ ล่วงหน้าไปก่อน เมื่อคีนพี่ปฐมนิเทศน์แล้วให้เดินแถวเรียงหนึ่งแต่งตัวเรียบร้อย ที่จริงก็สงสัยว่าทำไมต้องเดินแถวเรียงหนี่ง แต่อดภูมิใจไม่ได้คงเหมือน รร.เตรียมทหารเพื่อให้ดูเข้มแข็ง ด้วยความใหม่ที่ทางและระคนความตื่นเต้นที่ได้สวมกางเกงขายาวไปเรียนเอาก็เอา (ว่ะ) คุณเถียรเริ่มวางแผนการเดินทางต้องเดินผ่านนาคินทร์มารตฐานกว่าและยกให้เราเป็นหัวแถวเพราะแต่งตัวดี่เรียบร้อยมันบอก คว้ากระเป๋าได้ก็สะพายลงหอตามติดด้วย ประสงค์ ไอ้เถียรระวังหลังในคอก็ฮัมเพลงเบา ๆ ไปด้วย เหม่อมองดูฟ้าก้มหน้ามองดินเพราะพี่จนต้อยต่ำถูก..อ้าวนั่นน้องใหม่เหมือนกันรู้จักทีหลังชื่อคุณจ่อย ( เฉลิมชัย คำจ้อย) เดินก้มหน้าเล็กน้อยตามหลังไอ้เถียรมา ถนนทั้งสายสวยงามเป็นระเบียบมาก

น้องใหม่เดินแถวเรียงหนึ่ง เสื้อสีขาวตัดสีดำของกางเกง ผมยิ้มในใจอยากเทห์ไม่ต้องไปเรียนเตรียมทหารก็ได้ ข้างทางมีพี่ ๆ คอยเทคแคร์ให้กำลังใจตลอดบ้างก็คอยจัดการแต่งกายให้รุ่นน้องให้เรียบร้อย คอยบอกทางหลบหลีกหลุมเนื่องจากมีน้ำขังเป็นที่ ๆ เดินเพลิน ๆถึง หอหนุ่มโหด ให้ทายเล่น ๆ ว่าเราเห็นใครก่อน พี่รูปร่างผอมเล็กน้อยหน้าตาดี ๆ(ทราบทีหลัง พี่ริน) เรียกหยุ้ด กึ๊ก! แถวแทบชนกัน " กระเป๋าสวยดีนะ" พี่ชม" ครับ" เราตอบแอบชำเรืองดูเพื่อนด้านหลังถึงว่าไม่มีใครสะพายกระเป๋าสักกกคนงานเข้าแล้วเรา พี่กระแทกเสียงแหบ ๆ นุ่มหู ร้องเพลงให้ฟังหน่อย ว้าวเหมือนจะรู้ว่าเราแอบร้องเพลงมาตลอดทาง ไม่รอช้า "..เหม่อมองดูฟ้าก้มหน้ามองดินเพราะพี่จนต้อย.".เสียงบึ้กก..พี่รินทุบมือตัวเองเบา ๆ" ใครเป็นพี่".".พี่ครับ ผมน้องงง.".ต้องแก้ไขใหม่.".เพราะผมจนต้อยต่ำ." (คิดแล้วหากน้องจนต้อย.ต้องไม่ได้เข้าแถวแน่) พี่ยิ้มอย่างพอใจ กล่าวขอบคุณเรียกให้ไปได้ คิดในใจไว้คราวหน้าคราวหลังออกจากหอจะไม่ฮัมเพลงอีกแล้ว (โว้ย).........ควายเฒ่า

11 กรกฎาคม 2552

ย้อนรอยแม่กก 6 ตอนที่ 6

ท้้องฟ้าสีครามค่อยๆครึ้มเทาความร้อนแรงจากรัศมีของดวงอาทิตย์ยามบ่ายเริ่มลดแสงลงพร้อมๆ กับแสงสุดท้ายของวันที่เริ่มลับหายความวุ่นวายเมื่อตอนกลางวันสงัดลง
ควันไฟจากการหุงข้าวลอยคลุ้งขึ้นสู่ท้องฟ้าแทนที่ ชีวิตเด็กหอเกษตรมิแตกต่างกับชีวิตชาวชนบทที่ห่างไกลตัวเมืองไกลปีนเที่ยง เฉกเช่นเดียวกัน พี่ ๆ สาระวนกับการทำกับข้าวให้น้องใหม่ที่ยุ่งกับการตระเตรียมตัวเพื่อรับกับวันใหม่วันเปิดเทรอมวันแรก วันใหม่ทุกสิ่งใหม่ ชีวิตใหม่ เสื้อสีขาวกลีบเสื้อแทบจะบาดมือ รองเท้าสี่ดำสนิท เช่นเดียวกับถุงเท้า ที่น่าภูมิใจที่สุดคือจะเป็นวันแรกที่ได้สวมกางเกงขายาวไปโรงเรียน (รอมาน้านนานแล้ว)

ยามค่ำที่ หอนนางเมิน ไม่น่าเรียกว่าหอแต่กลัวจะไม่อินเทรน การตั้งชื่อหอก็เป็นไปตามแบบประชาธิปไตยให้ทุกคนมีสิทธิ์ออกแบบชื่อหอคนละชื่อมาประกวดกัน นางเมินมีพี่ใหญ่เช่นเดียวกัน พี่เสรี(รุ่น 5) ประสงค์ ใจแซ่ ไอ้เถียร(เสถียร ไชยชมภู)และควายเฒ่า เราทั้งหมดจบมาจากที่เดียวกันและสามหน่อน้องใหม่หัวใจหว้าเหว่รุ่นเดียวกัน เป็นกระท่อมเล็ก ๆสับฟากทั้งหลังห้องโล่งปูเสื่อนอนที่นอนที่กินที่เดียวกันกั้นด้วยฟากอีกหน่อยไว้ทำกับข้าว นางเมินตั้งอยู่ปากซอยสี่ บางคนเรียกบ้านป้าลาว ป้าลาวที่รับจ้างทำผมเดลิเวอรี่ ยังมีพี่รุ่น 5 ที่พักอยู่บนบ้านป้านางคือพี่ ชา(ว้อง) พี่เล็ก พี่เสถียร เป็นที่ปรึกษาหอพัก ประสงค์เสนอชื่อหอก่อน " หอสามัคคี "มันบอกว่ามาจากที่เดียวกันต้องสามัคคี (น่าน..หาที่โดน..เสียแล้ว..) ไอ้เถียรขอแจมบ้าง"หอนางชม" ค่อยดูดีแต่ไม่เวิร์คพี่เสรีกล่าวเพราะไม่ใช่หอหญิง (เออ..เห็นด้วย) หี่หันมาทางเราแล้วนายว่าไง ผมไม่ลังเลตอบพี่ "แล้วแต่พี่ครับ" (เริ่มฉายแวว..อ่อนน้อม) งั้นพี่ภูมิใจเสนอพี่เสรียืดอกกระชุ่นเสียงห้าว " หอนางเมิน " ใครไม่เห็นด้วย(เสียงชักเข้ม) ครั้บ แทบจะพร้อมกันทั้งสามหน่อ ก้อจะขัดไปทำกะปิิทำไมเอ้อก้อเค้าเป็นพี่นะ อันที่จริงก็เหมาะสมดีกับหน้าตาเรา ๆ ทั้งสี่คนดี

จากหอนางเมินไม่ห่างจากวิทลัยเท่าใดนักตรงจากซอยสี่เล็กน้อยมีสี่แยกเลี้ยวซ้ายผ่านหอนาคินทร์ หนุ่มโหด เลี้ยวขาว รร.คริสเตียนฯ ตรงไปผ่านบ้านลุงหมวกผู้ใจดี หากเดินทางซ้ายจะเข้าสู่ประตูหน้าวิทลัยโดยผ่านสี่แยกนมโต ถ้าไปทางตรงจะไปเข้าวิทลัยที่อุตุ วิทลัยมีเส้นทางเข้าทุกทิศ ทางเมืองงิมใช้เส้นทางหลัง รร.ฟาร์มจะเข้าทางดรงยิมพละ เส้นทางหน้า รร.ฟาร์มสู่สี่แยกนมโต เส้นทางถนนหลักทางโดยสารรถยนต์จะต้องเข้าซอยสองที่สี่แยกปากหมา ผ่านสี่แยกนมโต ด้านหลังวิทลัยมาทางบ้านปางลาวเข้าที่สุดกู่ แล้วแต่จะเลือกใช้ตามสะดวก ตามเหตุการณ์

ทุกเส้นทางล้วนสุ่จุดหมายปลายทางเดียวกัน แต่จุดหมายที่ทุกคนไม่อยากให้ถึงปลายทางเดียวกันก็คือ " ศาลาคนเศร้า " เศร้าจริง ๆ เศร้าจนขนลุก แม่กกท่านใดที่กำลังเศร้าอยากหายเศร้าเชิญที่ศาลานี้นะครับ..จะหายเศร้าเป็นปลิดทิ้ง........
.......................ควายเฒ่า...............

10 กรกฎาคม 2552

ย้อนรอยแม่กก 6 ตอนที่ 5

เสียงล้อรถบดเบียดไปกับถนนดินแดงดังกรึด ๆ เม็ดหินที่โผล่พ้นจากพื้นถนนบางเป็นแง่เหลี่ยมบ้างลบคมเพราะถูกบดทับเพื่อที่เป็นเส้นทางไปสู่จุดหมาย ฝุ่นคลุ้งแย่งกันวิ่งออกจากรอยล้อยางเป็นสายพวยพุ่งและกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้าจางหายไปในที่สุดฝุ่นแดงจะมากมายเพียงใดท้องฟ้าบ้านฟาร์มยังดูสดใส ขบวนเมฆขมวดขุ่นเป็นทิวแถว ประดับกับทุ่งนาเขียวขจีรอบเรียบกับเส้นขอบของรางระบายส่งน้ำ โพธิ์ต้นใหญ่เด่นตระหง่านเป็นพนักงานต้อนรับเหล่าลูกแม่กก ทุกคนกระตือรือล้นเมื่อเห็นไม้ใหญ่นี้ รู้สึกอบอุ่นกับกิ่งก้านที่แผ่โอบโบกใบรับขวัญ พฤษภาคม วาระแห่งชีวิตที่แม่กกทุกคนรอคอยวาระแห่งความเป็นครอบครัวแม่กกพฤษภา 2524 วาระแห่งแม่กก 6 วิถีทางที่ไม่เคยทราบการเริ่มต้น แม่กก

น้องใหม่ ต่างคนลงจากรถโดยสารบ้างแบกข้าวสาร กระเป๋า ถุงทะเล บางคนหนีบถุงฟางพะรุงพะรัง ไม่มีการทักทายกันเพราะต่างคนต่างลุ่มน้ำ บางคนมีรุ่นพี่มาต้อนรับ หลายคนมาจากสถาบันเดียวกันปรึกษากันถึงเส้นทางเข้าหอพัก รุ่นพี่ พี่ นั่งคุยรวมกันเป็น จุด ๆ หน้าหอพักบ้างก็มีอารมณ์ดีเข้ามาทักทายชมน้องใหม่ แต่งตัวหล่อ ทรงผมสวย เข็มขัดงาม รองเท้าทันสมัย ทักทายเป็นกันเองมั้ก ๆ บ้างกลัวน้องใหม่จะเดินสะดุดก้อนกรวดหินบนถนนก็แนะนำให้ก้มหน้าระวังสะดุด (ก้อพี่เขาชินทางแล้วห่วงนะ) วิทลัยเกษตรแม่กก นักเรัียนมากมายมาจากต่างถิ่นต่างสายน้ำ จะต้องพักหอพัก หอพักบ้านฟาร์ม และกระทั่งบ้านเมืองงิม เช่นกัน หอพักนั้นก็จะมีเป็นหอหญิง หอชาย หอรวมชายหญิง ส่วนมากจะมีรุ่นพี่เป็นผู้ดูแลระเบียบและความเรียบร้อย

หอหญิงที่มีชื่อเสียง หอพี่ภาพ หอพี่ภาพอยู่ติดท่ารถฟาร์มหน้าหอเป็นร้านขายของตอนนี้จะเรียกว่า 7-11บ้านฟาร์มยุคนั้นน่าจะได้ ในบางครั้งก็เป็นโรงจำนำชั่วคราว ในยามขัดสนของมเหล่ามวลแม่กก แต่จะรับจำแต่เฉพาะสัญลักษณ์ของแม่กก (นับว่ามีค่าที่สุดของเหล่าแม่กก) อนุมานราคาตามรุ่น รุ่นพี่พี่พี่ ก็จะได้ราคาสูงกว่า รุ่นพี่พี่ ก็จะลดหลั่นกันไป ที่ให้ราคางามที่สุดได้รับคำยืนยันจากพี่ภาพว่าเป็นแหวนรุ่น เพราะมีค่ามาก ลงมาหัวเข็มขัด รุ่นพี่หอพักของควายเฒ่าบอก 1 แหวนได้ 3 ขวด คือ แหวน 1แหวนจำได้ 35 ดีกรี 3 ขวด ส่วนกับแกล้มหาปล้นหอเอา หอพักมีชื่อน่าเกรงขามน่ารัก สนุกสนาน ตั้งตามลุ่มน้ำ จังหวัีด อำเภอ สุดแต่จะเทห์ บางหอเดือนเปลี่ยนชื่อครั้งหนึ่ง แรกนึกว่าเปลี่ยนตามฮวงจุ้ย ทราบทีหลังหาเรื่องเพื่อฉลองเปิดเปลี่ยนชื่อหอใหม่เราก็เลยร่วมแสดงความยินดีอยู่หลายหอเป็นประจำ(ก็ดีนะ)

หอที่ชื่อเป็นอมตะรักเดียวใจเดียวเห็นจะมีไม่มาก หอหนุ่มโหด ติดถนนใกล้สี่แยกนมโตชื่อหอน่ากลัวสักกะหน่อยแต่พี่ ๆ น่ารักทุกคน พี่ริน พี่โค้ก พี่อ้วน(รุ่น 5 ) ทราบชื่อแล้วไม่โหดเหมือนชื่อหอ ทุกเช้าจะต้องออกมานั่งทักทายน้อง ๆ ที่ผ่านเข้า รร.ทุกวันขยันไม่มีขาด หอไอยเรศ พี่อาจารย์สุรสิทธิ์พี่ตุ๋ย (ดนัย นิ่มนวล รุ่น 3) จะคอยดูแลทักทายน้องตอนเย็น(น่าจะตื่นสายกว่าหอหนุ่มโหด)เพราะหอติดถนนทางเข้าวิทลัยด้านหน้า บางทีก็เรียกน้อง ๆ เข้าไปทานน้ำในหอนับว่ารุ่นพี่ที่เป็นห่วงใยน้องทีเดียว หอนาคินทร์ของชาวเชียงแสนเป็นบ้านสูงที่สะอาดสะอ้านพี่ทุกคนที่หอนี้แต่งตัวเรียบร้อยเนี้ยบทุกคนขอชมเชยหอเวียงพิงค์ชื่อก็บ่งบอกแล้วแม่กกลุ่มน้ำแม่ปิงเช่นเดียวกับหอเวียงพานหรือพานทองไม่บอกทราบว่าแม่กกอำเภอพาน

หอศรีสุวรรณเป็นหอที่นิยมที่สุดเพราะอยู่ในตลาดสดบ้านฟาร์ม ตรงข้ามเป็นหอพี่มาลาหรือมาลาเธียเตอร์เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนอารมณ์ของเหล่าแม่กก มีเพื่อนควายเฒ่าท่านหนึ่งตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ในปี 2ไดัคัดเลือกให้พักใน หมู่บ้านอกท.แต่แอบมาหย่อนอารมณ์ที่มาลาเธียเตอร์ ไม่ทราบเหตุผลใดวันต่อมาท่านเื่พื่อนนี้ ขนผ้าผ่อนออกจากอกท.มาพักที่หอพี่มาลาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แม่กกท่านใดอยากทราบว่ามาลาเธียเตอร์ฉายหนังสนุกตื่นเต้นแค่ไหน.....ลองถามเพื่อนผม พิทักษ์ ดอกไม้ ดูนะครับแล้วอย่าลืมบอกผมด้วยจะติดตาม........................ควายเฒ่า

08 กรกฎาคม 2552

ย้อนรอยแม่กก 6 ตอนที่ 4

วิทลัยเกษตรกรรมเชียงราย ตั้งอยู่มางทิศเหนือของแม่น้ำกก ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศเหนือ ถึงปากทางฝั่งหมิ่น 3 กม.จากปากทางถึงวิทลัยผ่านฝั่งหมิน ป่าแดง เมืองงิม 4 กม.ระยะทางรวมประมาณ 7 กม. การเดินทางโดยรถโดยสารเล็กหวานเย็นเป็นวิธีที่นิยมที่สุด และทันสมัยที่สุดขณะนั้น รถประจำทางจอดประจำที่ท่ารถเล็กในตลาดสดเชียงรายคิวที่ 2 ต่อจากรถวิทลัยครู(ขณะนั้นยังเป็นวิทลัยครู) ติดกับแผงขายผลไม้ หลายคนที่ไปรอรถแล้วรถยังไม่ออก จะนิยมไปกรึ๊บที่ร้านลุงพ่อพี่ดิษย์แว่น(รุ่น 3) ร้านลาบในแผงขายอาหาร พอรถได้เวลาก็ออกมาขึ้นรถ การกรึ๊บสมัยนั้นจะนิยมเย็นซ่า คือเหล้าขาวผสมยาเสือตัวเดียวแล้วแช่เย็น รสชาดจะหวานหอมจะเป็นที่นัดพบของบรรดารุ่นพี่ ๆ ที่กลับจากบ้านเพื่อเข้าหอพัก

รถจะจอดรับผู้โดยสารที่มาจากสายเหนือที่ปากทางฝั่งหมิ่น ที่นี่ยังเป็นที่ให้น้อง ๆคอยสังเกตุว่าท่านไหนเป็นรุ่นพี่บ้าง ข้อควรสังเกตุคือ หากเป็นรุ่นพี่ท่านจะสวมกางเกงยีนส์ เสื้อขาวมัวๆโคร่ง ๆสมุดพับเหน็บกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ยืนพิงเสาร้านขายของเบ็ตเตล็ดตลาดอยู่ หรืออีกข้อสังเกตุคนที่นั่งรถมากับน้อง ๆ จะลุกจากที่นั่งแล้วเปลี่ยนเป็นปีนขึ้นไปบนหลังคารถนั่งชมวิวทิวทัศน์ของสองข้างทางตามเส้นทางเพราะถ้านั่งข้างบนดูโก้ดีนะเราคิดตามงั้นต่อมาเมื่อเป็นรุ่นพี่เราก็ทำตามเย็นดีเหมือนกัน และเวลารถผ่านมาลมก็พัดแรงหายไปอย่างรวดเร็วไม่เหมือนนั่งด้านล่างถึงเอาผ้าคลุมด้านหลังด้านข้างลงแล้วรถผ่านไปแล้วยังคลุ้งภายในรถอยู่แต่น้องใหม่หัวใจยังบริสุทธิ์ต้องฝึกความอดทนเป็นบทแรกก็บนรถนี่แหละครับเจ้านาย ส่วนที่นั่งคู่หน้ารถนั้นซ้ำ ไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่ง โดยมากแม่กกในช่วงนั้นใช้บริการรถเล็กโดยสารเป็นอย่างมาก

ดังบทก่อนที่มาของรุ่น 6 ต่างลุ่มแม่น้ำ ต่างจังหวัดต่างอำเภอ ต้องเดินทางจากบ้านแล้วโดยสารรถประจำทางมาลงที่ท่ารถเมล์ แล้วต่อมาที่ท่ารถเล็กอีกต่อหนึ่ง โดยอย่างยิ่งวันศุกร์กลับบ้าน วันอาทิตย์กลับหอผู้โดยสารยังกะดูคอนเสริตคาราบาว เรื่องราวบนรถเล็กเกิดขึ้นทั้งน่าประทับใจและหวาดเสียวปะปนกันไป เรื่องหนึ่งที่หลายคนยังไม่รู้นั่นก็คือตำนานเพลงหลายเพลงของงแม่กกต้นฉบับมาจากการเดินทางเส้นทางนี้ รวมถึงเพลง "สาวน้อยดำรง"ที่ทุกคนที่ทุกคนรู้จักดี แล้วบทหลังจะร้องเพลงให้ฟัง แต่ไม่กอดต้นชงโคร้องนะครับ เดี๋ยวเข้าแถวไม่ทัน......................................ควายเฒ่า

ย้อนรอยแม่กก 6 ตอนที่ 3

4 เม.ย.2524 วันประวัติศาสตร์การแรกปฏิสนธิเกษตรแม่กกรุ่น 6 การเดินทางจุดแรกของรอยเท้าน้อย ๆ ได้เกิดขึ้นแล้วบนผืนดินแม่กกที่เสมือนหน้าปกหน้าแรกเป็นวันการประกาศผู้ที่ ผ่านการคัดเลือก(อันแสนสาหัส)ผู้คนวุ่นวายไม่น้อยกว่าวัีนสอบบ้างก็มีสี หน้าที่ยินดี บางท่านบางคนก็มีสีหน้าหดหู่ปานกับการประกาศผลเอ็นทร้านก็ปานมีผู้ผ่านการ คัดเลือก 240 ท่าน แถมมีเผื่อหายเผื่อขาดสำรองอีก 10 ท่าน ตามกติกา ตามไสตล์เราไล่ดูรายชื่อมาจากท้ายตารางหน้าสุดท้าย นึกแล้วต้องไม่ผ่าน อาจจะเป็นเพราะเราไม่แน่ใจตัวเองมาสมัครเป็นคนสุดท้ายคะแนนพิสวาทอาจจะติดลบ ในใจคิดว่าไอ้หย๋าทำไงดีวะเนี่ย ไม่มีที่เรียนแน่ ๆ จะต้องไปตะลอนรับจ้างจัดสวนต่อคงหมดกันแน่ กับบ้านโดนสมน้ำหน้าแน่ สอบโควต้าเรียนในเมืองที่ดี ๆ ได้ไม่เอาเสียสละไม่อยากคิดเลย ปล่อยประกาศผลการสอบลงอย่างมึนงงกับอนาคต ช่างมันนึกในใจปีหน้าเอาใหม่(วะ่)

ถอยออกมาก้มหน้าเดินตอนนี้คิดถึงดองยาปากทางแม่ยาวแล้วครับพี่น้อง ไม่ทราบจะฉลองหรือร้องให้แน่กับไปซดหลู้กับเย็นซ่าดีฟ่าวะ ตึ๊บ เสียงฝ่ามือกระทบหลังรีบหันไปกะสวน "คิงสอบได้บ่ะฮาบ่าติด" ชะงักในความงงในสมอง ไอ้นะ(ชนะ ศิริสุวรรณ) เื่พื่อนเรียนโรงเรียนเก่ามาสอบด้วยกัน ตอนสอบมันคุยว่าซะบาย อ้ายฮาติวหมด เพราะพี่ท่านรุ่น 1 ครับพี่น้อง สบัดหน้าให้หายงง มันชวนให้ไปดูอีกที(เผื่อเราจะได้เลี้ยงหลู้เย็นซ่าปากทางแม่ยาวแน่) เราว่าพ่อพิรุณเล่นตลกกับลูกแน่ ๆ อันดับที่ 32 ดูรายชื่ออีกที ก็ 32 เหมือนเดิม ตัวชาเลย(เพราะจำเป็นต้องเลี้ยงเย็นซ่าไอ้นะ) นึกได้ทีหลังว่าเราไม่ได้ดูแผ่นแรกเลยเพราะไม่เคยคิดว่าเราจะแหล่มขะหนาดนี้ (แฮะคุยได้แร้ว) ยืดอกแบกขอบกได้แล้วเป็นว่าหลายท่านที่มีชะตาร่วมกันขุดดินกับเราไม่ว่าที่หลังอาคารพืชกรรม สระหน้าอาคารสัตว์ สวนผัก แค่เพียงได้ทำบุญมาแต่ปางก่อนแค่ครึ่งเดียวเลยไม่มีโอกาสรับกรรมอีกต่อไป

แต่ต่อมาไม่นานไม่ทราบได้ว่าเป็นนโยบายหรือเหตุผลกลไดก็ตามได้มีการประกาศ รับสมัครรุ่นพิเศษขี้นอีกเพื่อที่ให้เป็นนักศึกษารุ่นแรกที่บ้านต้า (วัวนม) โดยให้ผู้ที่ไม่ผ่านการสอบคัดเลือกในครั้งนี้สามารถมาทดลองเรียนโดยมีเกณฑ์ จะต้องผ่านการเรียนที่ 1.5ในเทรมแรก โดยไม่ต้องสอบหากไม่ผ่านก็จะต้องรีไทน์ เออเราน่าจะรอรอบนี้ก็ดีนะ และอีกชุดหนึ่ง บุตรเกษตรกรที่มีถิ่นฐานที่วิทยาลัยตั้งอยู่(สาขาบ้านต้า) แรกให้มาเรียนภาคค่ำที่วิทลัย (ลดภาระภาคปกติไปเยอะนะเพื่อนขอบคุณขอรับ) อีก240รวมที้งรังไข่แม่กกมีตัวเล็ก ๆ ว่ายเวียนรับชะตากรรมอยู่แรกตั้งครรภ์ 480 หน่อกายบงมีสหายหลายสหายดีกว่ามีศัตรูคนเดียว ซุวูกล่าวรวมกันเราอยู่แยกหมู่........... ก้มหน้าม้องดิน ไอ้เถียร (เสถียร ไชยชมภู)กล่าว.......................................ทำไมไม่เหม่อมองดุฟ้าก่อน ไว้จะกระชุ่นให้ทราบ.........ควายเฒ่า

07 กรกฎาคม 2552

ย้อนรอยแม่กก 6 ตอนที่ 2

วิทลัย แม่กก ในปี 2524 ในครานั้นช่วงเวลาที่รับสมัครนักเรียนใหม่เป็นช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนของทางเชียงราย บรรยากาศออกไปทางร้อนและแห้งแล้ง สนามฟุตบอลของวิทลัยหญ้าเหลืองแห้ง ทางเข้าวิทลัยสองข้างทาง ทิวแถวชงโค ใบไม้ร่วงหล่น ถนนทางเข้าสู่วิทลัยซึ่งในตอนนั้นยังเป็นถนนดินแดงลูรังบดแน่นคลุ้งด้วยฝุ่นแเมื่อรถวิ่งผ่าน ตัวตึกที่ตระหง่านดูสีซีดจาง จะดูสดใสก้อมีเพียงต้นแสงจันทร์(ที่พวกรุ่นพี่ชอบมานั่งพักก่อนเข้าแถวลงงาน)ที่โชว์ใบสีเขียวทองเด่นตระหง่าน ปัจจุบันไม่ทราบว่ายังยืนต้นอยู่หรือไม่นะ ควายเฒ่าได้เข้าไปทำการตรวจเอกสารและได้สมัครเื่พื่อสอบคัดเลือกเป็นที่เรียบร้อย
ในคราวปีนั้นต้องขยายความอีกสักเล็กน้อยว่ากว่าจะผ่านด่านชงโคเพื่อเข้าเป็นลูกแม่กกนั้นแสนยากเย็นมั้กมาก แทบท้อแต่ด้วยใจมุ่งมั่นจึงไม่ถอย แตกต่างกับในปัจจุบันที่อาจารย์ต้องออกนิเทศเพื่อค้นฟ้าคว้าดาวเพื่อให้นักเรียนได้มาศึกษาโดยไม่ต้องมีการคัดเลือกให้เมื่อยตุ้มอีกหลายขั้นตอน เพราะการเรียนเกษตรยุคนั้นนับว่าได้รับเกียรติเป็นอย่างยิ่งในบรรดาสถาบันระดับวิชาชีพด้วยกัีนจึงทำให้เกิดรร.เกษตรขึ้นมากมาย ทางอ.แม่สายก็ยังได้เปิดรร.เกษตรบ้านจ้องขึ้น เพื่่อนควายเฒ่าหลายท่านหลังจากที่ไม่ผ่านเกณฑ์การเรียนในภาคการศึกษาแรกไม่ถึง ก็ต้องระเห็จไปเรียนที่บ้านจ้อง อยู่เหมือนกันแม่กก 6 หลายท่านคงจำได้ หลังจากนั้นหลายท่านยังกลับมาสอบใหม่ในรุ่น 7 อีก เพราะความชื่นชมต่อสถาบันแม่กก อีกรร.เกษตรที่เชียงใหม่ สันป่าตอง ก็มีชื่อเสียงขึ้นในเชียงใหม่ ตามกระแสเกษตรแม่กก เพื่อรองรับการปรับปรุงการศึกษาควบรวม ม.ศ3 และม.3 นั่นเอง อีกหลายท่านที่นี่ได้เดินทางมาเรียนซัมเมอร์ที่แม่กก และย้ายเข้ามาเรียนรุ่น 6

กระแสเกษตรแม่กกในปี 2524 นั้นพอจะบ่งถึงเส้นทางของแม่กก6 ได้ตามสายน้ำว่า มาจากลุ่มน้ำแม่ปิงเชียงใหม่ เช่นคุณอยู่รบ(แต็ก) คุณณรงค์(เฮียเล็ก) คุณธนรัตน์(ตั้ก)รวมทั้งแม่ปิงลำพูน ทวีศักดิ์ คุณดารัตน์(สุดสวย) นายกดุสิต ฝาง แม่อาย ปู่แหวน แม่ริม สุชา คุณพนาดร(หนึ่ง) แม่แจ่ม อ.ประสิทธิ์ ลุ่มนำ้แม่วัง นำโดยท่านอุดม (หน.ประมง) สายแพร่นำโดย คุณฉัตรชัย (ช้าง)ในช่วงนั้นไม่ปรากฎแม่กก6ลุ่มนำ้น่าน ลุ่มนำ้อิงสาย เทิง นำโดยคุณไพโรจน์ สายพานโดยโอภาส คุณประสงค์(ผ.อ.แดน3) สมคิด (เบี้ยว) เชียงคำ คุณธีระ (ระลื้อ) สายเหนือ แม่สายแม่จัน เชียงแสน และเมืองเชียงราย
ซึ่งต่อมาเมื่อจบการศึกษาไปก็ได้แม่กกในภูมิภาคต่างที่กล่าวมานี้เป็นศูนย์ประสานงานตามจุดต่าง ๆจวบจนปัจจุบันซึ่งมีการส่งมอบป้ายศูนย์ไปแล้วเมื่องานเลี้ยงปี 51 ที่พะเยาติดตามดูภาพได้จากฟอรั่มแม่กก 6 หรือในห้องของควายเฒ่าเอง

ในวันสอบคัดเลือกในปีนั้น ยอมรับว่าคงไม่ติดนะครับเพราะว่านักเรียนเข้าสอบมั้ก ๆ เราเองเรียนไม่ค่อยได้เรื่องอยู่แร้ว วันสอบภาคทฤษฎีผ่านไปด้วยดี วันที่สองสอบภาคปฎิบัีติ ได้ระวางขุดดินที่หลังอาคารพืชซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนเป็นสวนมะม่วง(ซึ่งดีใจที่เรามีส่วนในการบุกเบิก) เกิดมายังไม่เคยขุดดินซื้อจอบใหม่เอี่ยมด้ามยาวเฟี้ยวคิดว่าคงไม่เท่าไรนัก อาจารย ์โรยปูนขาวเป็นช่องช่องละ 1คูณ 1 เมตร สดุ้งที่ได้ยินว่าต้องลึก 1 เมตรอ้ายหย๋าวานนี้สอบเสร็จฉลองเสียจนดึกวันนี้ยังไม่ไปไหนวนเวียนในหัวง่วงไม่หายโว้ยจะไหวไหมเนี่ยแดดไม่ต้องถามถึงร้อนยิ่งกว่าทะเลทรายอีกต้องหน้าตั้งตาขุดไปดินอะไร(ว่ะ)แข็งกะหินต้องค่อยเซาะเอาออกเป็นก้อน ๆ ใหญ่(เอ.ไม่ทราบว่านักเรียนยุคนี้มีสอบขุดดินเป่าเนาะ)

แต่ในทะเลทรายก็มีโอเอซิส ท่ามกลางแดดเปรี้ยง ๆ นั้นมีบรรดารุ่นพี่(ทราบต่อมาว่ารุ่น 5)หลายท่านมากได้เดินให้กำลังใจ บ้างช่วยตัดด้ามจอบเพราะขุดลึกแล้วด้ามยาวใช้ไม่ได้ บ้างก็ปฐมพยาบาลเพื่อนเราที่มือแตก เป็นลมก็มี และมีแผนกโอเอซิส บริการน้ำเย็น บางท่านเห็นพวกเราตัวเล็กไม่ค่อยไหวก็แอบช่วยขุดเมื่ออาจารย์คุมเผลอ นั่งเดินให้กำลังใจตลอด เพราะการขุดต้องแข่งกับเวลาในช่วงเวลา 1 ชั่วโมงอาจารย์จะตรวจหากไม่สำเร็จตามสเป็คก็จะสอบไม่ผ่านไม่ต้องสัมภาษณ์ แต่ก็ผ่านไปได้ทั้งหมดโดยการดูแลเอาใจใส่ของรุ่นพี่ที่ควายเฒ่าขอขอบคุณมาในบรรทัดนี้ด้วยคารวะ จากเหตุการณ์น่าประทับใจของพีี ๆ ในครั้งนี้ควายเฒ่าได้บันทึกไว้ในความทรางจำมิลืมเลือน.....จนกระทั่ง....ดัีงกล่าวของลี้คิมฮวง ที่ว่าจริงคือเท็จ เท็จคือจริง........ไว้ร่ายต่อว่าอะไรคือเท็จและอะไรคือจริง...ติดตามอย่าพลาด.. ควายเฒ่า

..เรื่องราวโดยนักเขียนกิติมศักดิ์ " ควายเฒ่า "


05 กรกฎาคม 2552

ย้อนรอยแม่กก 6 ตอนที่ 1





ย้อนรอยเกษตรแม่กก รุ่น 6

ปี 2524 พี่ใหญ่ของการเรียนการศึกษาด้านการเกษตรนั้นในภาคเหนือจะมีพี่ใหญ่ของการศึกษาด้านการเกษตรที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางคือ เกษตรแม่โจ้ ที่เป็นความไฝ่ฝันของนักเรียนเกษตรในยุคโน้น และที่เป็นการยอมรับรองลงมา เกษตรแม่วัง เกษตรบ้านกร่าง เกษตรน่านซึ่งเปิดการศึกษามาเป็นเวลานาน ต่อมาที่สร้างชื่อเสียงในยุคหหลังคงไม่มีใครในวงการจะปฎิเสธน้องใหม่หัวใจแกร่ง

วิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงราย (เกษตรแม่กก)
แม้จะมีอายุในการก่อตั้งไม่นานแต่บุคคลากรด้านการศึกษาการสอนการเรียนที่โด เด่นหากได้ผ่านจากแม่กกแน่นอนจะต้องได้เข้าสู่อ้อมอกเกษตรแม่โจ้เป็นแน่ ซึ่งเป็นความหวังของนักเรียนเกษตรในยุคนั้นและทุกยุคเกษตรแม่กก เรียกขานมาจากมีแม่น้ำกก เป็นสายเลือดหเส้นใหญ่ของการเกษตรใน จ.เชียงราย และยังมีความแตกต่างที่โดเด่นคือเป็นแม่น้ำที่ไหลลงไปในทิศเหนือ เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร จนมีคำขานของนักเรียนเกษตรแม่กกว่า

"ความรักความสามัคคีของเกษตรแม่กกจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจวบจนน้ำแม่กกไหลย้อนลงทิศใต้"
ซึ่งก็จะเห็นเป็นประจักษ์จวบจนบัดนี้ เราพี่น้องยังรักสามัคคีไม่มีเสื่อมคลาย




ปี 2524 ในกาลนั้นเป็นปีการศึกษาของนักเรียนเกษตรน้องใหม่ที่มีความพิเศษกว่าปีอื่น กล่าวคือเป็นปีแห่งการปรับเปลี่ยนระบบการศึกษาของไทยที่ยกเลิก มัธยมศึกษา(มศ.)ที่ต้องมีการเรียนการศึกษาป.1-ป.7,มศ.1-ม.ศ3,มศ.5 เป็น มัธยม (ม.)การเรียนเป็น ป.1-ป.6,ม.1-ม.3,ม.4-ม.6 จึงเป็นการควบรวม นักเรียนม.3 และม.ศ.3 มาสอบแข่งขันเพื่อเข้าศึกษาต่อในชั้น ปวช.1 ในปีนั้นมีนักเรียนสมัครสอบ 1031คนซึ่งทางวิทยาลัย(ที่จำได้เพราะควายเฒ่าสมัครเป็นคนสุดท้ายได้เลชที่ 1031)สามารถรับนักเรียนได้ 240 คน การสอบแยกสอบ 2 แห่ง คือ 600 คนแรก สอบห้องสอบที่วิทยาลัยเกษตรเชียงราย อีกห้องสอบที่ รร.คริสเตียนไพศาลศาสตร์ ซึ่งอยู่ไกล้เคียงกัน

การสอบแบ่งเป็น
1.สอบภาคความรู้ทั่วไป
2.สอบภาคปฎิบัติ (ขุดดิน)
3.สอบสัมภาษณ์

ในการสมัครสอบในครั้งนั้นต้องชำระค่าสมัคร 30 บาท ระยะการสสอบเป็น 3 วัน
เกษตรแม่กกในปี 2524 นั้นการเดินทางจะต้องใช่การเดินทาง คือ ใช้บริการรถประจำทางเรียกว่ารถหวานเย็น(ลุงบูรณ์) หรือการขับรถส่วนตัวเข้าไป ผ่านจากปากทางที่ตลาดฝั่งหมิ่นที่มีป้ายปูนขนาดใหญ่ของวิทลัย(ซึ่งต่อไปจะ ได้เล่าถึงประวัติต่อไป)หลังจากนั้นอย่าคิดว่าจะได้เห็นบรรยากาศข้างทางใคร คิดว่าจะชมทิวทัศน์ข้างทางบอกว่าเสียใจด้วยเพราะถนนในยุคนั้นพี่น้องครับ ฝุ่นมหาฝุ่นสี่แดงจ๋าทุกคนที่นั้งในรถซึ่งจะมีการเอาผ้าใบรถลงคลุมและมีผ้า ปิดด้านหลังแล้วจะนั่งหลับตาเข้าสมาธิหลับตากันหมดจากที่สวมชุดนักเรียนขา สั้นเมื่อลงรถแล้วเสี้อสีขาวสดใสของเราเปลี่ยนเป็นสีแดงโดยไม่ต้องมีการย้อม แต่อย่างใด ค่ารถในปีนั้น 4.- บาทต่อเที่ยว รถจะออกเที่ยวก็ต่อเมื่อคนเต็มรถ หากลุงบูรณ์พิจารณากับคณะ ครม.รถประจำทางฟาร์มแล้วคำนวนว่าเที่ยวนี้ไม่ขาดทุนก้อเป็นอันว่าเดินทางได้ แต่ถ้าเป็นลุงศักดิ์ที่มีรถใหม่ที่สุดนั้น ไม่มีปัญหา ออกก้อออกแต่ต้องช้า ๆ วนรับคนก่อนเที่ยวหนึ่งน่าจะเป็นวิธีการของแต่ละคนไป ในการเดินทางแห่งชีวิตในครั้งนี้เราตัดสินใจแต่เพียงตนเองไม่ได้เข้าครม .ครอบครัวแต่อย่างใดเพราะเป็นวันสุดท้ายที่รับสมัครและเป็นเวลาบ่ายแล้ว

ต้องขอบคุณลุงบูรณ์มา ณ ที่นี่ด้วยที่ในวันนั้นลุงไม่รอคนเต็มเพราะสงสารควายเฒ่าจะสมัครเรียนไม่ทัน จนลุงต้องขับรถไปส่งที่หน้าตึกหนึ่งที่รับสมัคร เมื่อลงรถชำระค่ารถเรียบร้อยแล้ว ก็หอบเอกสารเดินเข้าไปที่ตึกหนี่งเพื่อทำการสมัครเรียน แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะพบกับเหตุการณ์ที่ยากที่จะประทับใจตั่งแต่วันสมัคร เรียนวันแรก....ติดตามต่อไปว่าควายเฒ่าประทับใจเหมือนเพื่อนแม่กก 6 หลายท่านหรือไม่...อย่ากระพริบตา


..เรื่องราวโดยนักเขียนกิติมศักดิ์ " ควายเฒ่า "



04 กรกฎาคม 2552

นิยายบนสายน้ำ ตอนที่ 40





ความทรงจำเก่าๆ จากลำน้ำแม่กก....2524
สายน้ำที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต...ของคนหลายๆคนได้บนกาลเวลา
ผมมาจาก........โรงเรียนที่เคยมีแต่เด็กผู้ชาย สู่โรงเรียนของลูกผู้ชาย ตัวจริงที่นี่
และมันไม่ใช่แค่จุดเริ่มต้น ของการเปลี่ยนแปลงชีวิต แต่เป็นจุดเริ่มแห่งการค้นหาชีวิตครั้งใหม่
หลังจาก...ต้องพ้นจากวัยเด็กอันแสนสบาย เข้าสู่วัยรุ่นโดยไม่ทันตั้งตัวกัน....
และมันก็คงไม่อาจหวลกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นได้อีก.....
เมื่อถึงเวลาแล้วที่ต้องจากบ้านมา ใช้ชีวิต...อย่างโดดเดี่ยว ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ไม่เคยชิน เอาเสียเลยแบบนี้
และดูค่อนข้างจะโหดร้าย เหมือนถูกทอดทิ้ง ในความรู้สึกของเด็กผู้ชายคนหนึ่งในเวลานั้น....
....มีเพียงเพื่อนใหม่ๆ ที่ยังไม่คุ้นเคย...ที่บังเอิญได้มาอยู่รวมกัน และได้ร่วมกันซึมซับแบ่งเบาความรู้สึก อันนั้นเอาไว้
จนกลายมาเป็น ความรักความผูกพัน ที่เพื่อนๆทุกคนคอยช่วยเหลือร่วมต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรค์ แห่งกาลเวลานั้นไว้ได้...ต่อมา
และวันหนึ่งพวกเราก็พากันมาจนถึงอีกฟากฝั่งจนได้.....และเมื่อถึงเวลา ก็ต้องแยกย้ายจากกันไปอีกครั้ง เพราะไม่มีงานเลี้ยงใด ที่ไม่มีวันเลิกลา...
พวกเราภูมิใจที่ได้เรียนรู้และเข้าใจคำว่า เพื่อน พี่ น้อง และความสามัคคีได้ดีและลึกซึ้งกว่าใครๆ ในโลกนี้....ณ.เวลานั้น